ในความคุ้นเคยของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่หากได้เอ่ยชื่อ “นอร์เวย์” (Norway) ก็มักถูกเหมารวมให้อยู่ในเส้นทางท่องเที่ยวแถบสแกนดิเนเวียด้วยความเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มนอร์ดิก และนิยมรวมไว้ในโปรแกรมท่องสแกนดิเนเวียซึ่งมีสวีเดนและเดนมาร์กร่วมด้วย แต่ครั้งนี้เรานำความพิเศษจัดเต็มแบบเดี่ยวๆ ให้คุณผู้อ่านได้รู้จักและเต็มอิ่มกับความน่าสนใจในนอร์เวย์ได้มากที่สุดด้วยเส้นทางทั้งในและนอกเมืองหลวง ยิ่งใครชื่นชอบการนั่งรถไฟเที่ยวท่ามกลางบรรยากาศดีแสนโรแมนติก
นอร์เวย์เป็นประเทศหนึ่งที่มีทำเลสวยๆ อยู่บนคาบสมุทรสแกนดิเนเวียค่อนไปทางเหนือของทวีปยุโรป รอบประเทศมีอาณาเขตติดต่อกับเพื่อนบ้านและทะเล โดยทิศเหนือติดกับ “ทะเลบาเรนท์” (Barents) ลงไปทิศใต้มีพื้นที่ติดกับทะเลเหนือ ฟากทิศตะวันออกติดกับประเทศสวีเดน ฟินแลนด์และรัสเซีย ส่วนทิศตะวันตกนั้นเชื่อมอยู่กับทะเลนอร์เวย์และมหาสมุทรแอตแลนติก วัดขนาดพื้นที่ทั้งหมดทั่วประเทศได้ 385,155 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง เทือกเขาและแนวหน้าผาสูง แต่ที่โดดเด่นก็น่าจะเป็นทะเลสาบและ“ฟยอร์ด” (Ffjord) ซึ่งเกิดจากการที่ธารน้ำแข็งเข้ากัดเซาะผิวพื้นแผ่นดินจนมีลักษณะเว้าแหว่งและเป็นทางให้น้ำทะเลไหลผ่านเข้ามาจนเกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยงามและมีชื่อเสียงของประเทศการที่ทำเลของนอร์เวย์ตั้งอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือจึงมีผลอย่างมากให้สภาพอากาศของประเทศหนาวเย็นและก็จะหนาวเย็นจัดๆ ในฤดูหนาวช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนซึ่งจะมีหิมะตกและอุณหภูมิลดต่ำลงไปถึประมาณศูนย์ถึงติดลบ 40 องศาเซลเซียสและแทบไม่ได้เห็นแสงแดดเลย หากเข้าสู่ฤดูร้อนช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมอากาศจะอบอุ่นขึ้นมาที่อุณหภูมิประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส โดยรวมตลอดทั้งปีอากาศในนอร์เวย์จะค่อนข้างเย็นแต่ก็ชวนให้เที่ยวสบายอย่างที่หลายคนคิดว่าอากาศเย็นก็น่าจะดีกว่าอากาศร้อนอบอ้าวเป็นไหนๆ
ชาวนอร์เวย์ปัจจุบันมีจำนวนราว 5,000,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวนอร์ดิกซึ่งเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของประเทศ นอกนั้นจะเป็นชาวบอลติกและแลปป์อยู่ร่วมกันประปราย จะนับถืศาสนาคริสต์นิกายนอร์เวย์ของตัวเองเป็นหลักมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ การนับถือศาสนาอื่นๆมีพบบ้างในสัดส่วนที่เหลือ ส่วนเรื่องการเจรจาสื่อสารชาวนอร์เวย์จะมีภาษานอร์เวย์เป็นภาษาประจำชาติหรือภาษาราชการของตัวเองที่เรียกว่าภาษานอร์วีเจียน แต่ก็ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีในหลายพื้นที่ ที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดสำหรับการมาเที่ยวประเทศที่มีแหล่งน้ำมากมายอย่างนอร์เวย์ก็คือการชิมอาหารที่ทำจากเนื้อปลาซึ่งมีมากมายและเป็นหนึ่งในความโดดเด่นของประเทศรวมถึงในบางพื้นที่อาจมีเนื้อกวางเรนเดียร์ให้ชิมด้วยการท่องเที่ยวนอร์เวย์หลายคนคาดหวังถึงการได้พบกับธรรมชาติสวยๆซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องเกินคาด แต่สิ่งที่เป็นอีกสีสันของนอร์เวย์คือการชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนและชมดินแดนแห่งฟยอร์ดดังที่กล่าวไปแล้วพร้อมๆ กับการเดินทางสู่ใจกลางเมืองหลวงเพื่อชมวัฒนธรรมเก่าแก่และงานศิลปะโบราณ ซึ่งก็เช่นเดียวกับที่ครั้งนี้ทริปของเราจะเริ่มต้นกันที่ “ออสโล” (Oslo) เมืองหลวงของนอร์เวย์ก่อนจะค่อยๆ ออกไปยังเมืองต่างๆ ห่างออกไปแต่เต็มไปด้วยความน่าสนใจและสวยงามมาก เราเดินทางโดยสายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์ด้วยเวลา 6 ชั่วโมงจากประเทศไทยเพื่อไปลงแวะเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้วนั่งเครื่องบินต่อกันอีกเกือบ 7 ชั่วโมงเพื่อลงสู่สนามบินออสโลของนอร์เวย์
![]() |
Oslo
|
![]() |
Nobel
|
![]() |
Karl Johans
|
![]() |
![]() |
![]() |
The Viking Ship Museum พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง |
Flam ฟลอม |
Holmenkollen โฮลเมนโคลเลน |
![]() |
![]() |
![]() |
Flamsbana ฟลอมส์บานา |
Gudvangen กู้ดแวนเก้น |
Bergen เมืองเบอร์เก้น |
30 พฤศจิกายน 2560
ผู้ชม 6204 ครั้ง